ทำไมเจ้าของกิจการร้านขายของออนไลน์เลือกใช้ Shopify มากกว่า Wordpress Magento และ Opencart

เหตุที่เจ้าของกิจการร้านขายของออนไลน์เลือกใช้ Shopify มากกว่า Wordpress Magento และ Opencart การใช้ Shopify รองรับปริมาณข้อมูลได้อย่างไม่จำกัด การใช้ระบบอื่นยิ่งข้อมูลเพิ่มมากขึ้นยิ่งต้องเสียค่าเช่าโฮสรายปีที่สูงขึ้น อีกทั้งจะเห็นว่า Wordpress มีผู้ให้บริการมากมายทั้งแบบที่เป็นโปรแกรมและ plug in ป้องกันไวรัส และแบบคนดูแลเว็บ ซึ่งหากใช้บริการควบทั้งคู่จะทำให้มีค่าดูแลระบบต่อเดือนที่สูง

ค่าดูแลรายเดือนอาจสูงเกินกว่า 2-6 พันบาท ต่อเดือน สำหรับเว็บที่มีจำนวนผู้เข้าชมจำนวนมากและเว็บที่ตกเป็นเป้าโจมตีโดยแฮกเกอร์และไวรัส ในขณะที่ Shopify security ยากต่อการถูกโจมตีและมีความเสถียรสูง รองรับปริมาณคนเข้าชมเว็บได้จำนวนมาก

ทำไมถึงยากต่อการโจมตีเนื่องจากงานด้านอับเกรดมีทีมวิศวกรด้านระบบจำนวนมากอับเกรดระบบอย่างสม่ำเสมอโดยที่เราไม่ต้องอับเกรดเอง และมีผู้เชี่ยวชาญดูแลตลอดเวลา ด้วยระบบความปลอดภัยสูงสุดมาตรฐานเดียวกับธนาคาร และมี Payment gateway ความปลอดภัยสูง มีมาตรฐานสูงในระดับนานาชาติ

เจ้าของกิจการ Shopify

ระบบถูกสร้างมาเพื่อการค้าออนไลน์ Ecommerce โดยเฉพาะไม่ต้องเอา plug in มาต่อให้ยุ่งยากซึ่งต้องจ้างทำเพราะต้องใส่ Payment gateway ลงไปด้วย โดยการใส่ไม่ได้ใส่ง่ายๆ คนธรรมดาทั่วไปทำเองไม่ได้ ค่าทำมีราคาสูง และหากไม่มีผู้เชี่ยวชาญดูแล ก็โดนแฮกโดนไวรัสได้ง่าย ทีมผมเองมีบริการรับดูแลเว็บ Wordpress สนนราคาต่อเดือนที่ 5000 บาทขึ้นไป และมีบริการทำเว็บด้วย Wordpress สนนราคา 35,000-40,000 บาทขึ้นไป ท่านสามารถใช้บริการได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับระบบที่ต้องการว่าอยากได้อะไรบ้าง จึงทราบดีว่าระบบโดนแฮก โดนโจมตีแบบ DDos ได้ง่ายขนาดไหนถ้าไม่วางระบบป้องกันที่มีราคาค่าใช้บริการที่สูงมากและมีคนของทีมเราดูแลเมื่อมีปริมาณคนเข้าชมเว็บสูงขึ้นหรือตกเป็นเป้าโจมตี

รับสร้างเว็บ Shopify

เว็บของผมเองมีตัวหนึงที่เป็น Wordpress และหลงทางไปใช้โฮสไม่ดีอยู่สองสามปี ช่วงสองสามปีโดนแฮก แทรกสคริ๊ปและ DDos บ่อยจนปวดหัว ขนาดย้ายโฮสแล้วยังคงโดนเป็นระยะแต่ดีขึ้นเพราะโฮสที่ย้ายไป ดูแลดีกว่ามาก อาการจึงบรรเทา ทุกครั้งที่โดนไวรัส ต้องเสียเวลาแก้แทนที่จะเอาเวลาไปทำงานด้านอื่นๆ อีกทั้งยังมีอีเมล์จากโฮสมาเตือนตลอดว่าพื้นที่เต็มให้เสียรายปีเพิ่มซึ่งข้อมูลเยอะๆคนเข้าชมเยอะๆอาจเสียได้ถึงปีละหลักเป็นหมื่นบาทรวมกับค่าดูแลซับพอร์ตและค่าเช่าระบบป้องกันความปลอดภัยต่างๆ ก็สูงกว่าค่าเช่าระบบรายเดือนของ Shopify Pricing Plan ถ้าท่านใดเก่งภาษาอังกฤษลองค้นหาชาวต่างชาติที่เทียบระหว่าง Wordpress และ Magento กับ Shopify ได้ 

Shopify top set up expert

และในฐานะผู้ให้บริการรับทำเว็บด้วย Shopify และเป็นหนึ่งใน Top set up expert official partner ของ Shopify ผมมีลูกค้าที่ย้ายจาก Wordpress, Magento, และ Opencart มา Shopify ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดจากประเทศอังกฤษ รายนี้ย้ายมาจาก Opencart ซึ่งบริการรับทำเว็บของเราให้บริการได้ทั่วประเทศไทยและทั่วโลก

ระบบ Notifications

อีกเรื่องคือระบบ Notifications หรือการแจ้งเตือนที่ Shopify จะดีกว่า รวมทั้งระบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้า หรือการจัดการออเดอร์ ส่วนระบบขายและการตลาดมี Apps ต่างๆมากมายจากบริษัทซอฟแวร์ชั้นนำที่เป็นพันธมิตรทำขึ้นมาให้เลือกใช้แม้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงแต่หากใช้แล้วคุ้มก็มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ยอมจ่าย

เนื่องจากไม่จำกัดปริมาณคนเข้าชมเว็บ แบนวิธ Bandwidth จึงไม่เต็มและเว็บไม่ล่มหรือสะดุดให้เสียรายได้ ซึ่งเว็บล่มไปสองสามชั่วโมงหรือวันนึงก็ทำให้ผู้ประกอบการสูญเสียรายได้และค่าการตลาดที่จ่ายเพื่อดึงคนเข้าเว็บได้จำนวนมาก สูญเสียโอกาสจากลูกค้าที่ควรจะได้รายได้ในช่วงเวลาที่เว็บล่ม

ความปลอดภัยร้านค้าออนไลน์

ด้วยความปลอดภัยที่สูงนี้ลูกค้าของเว็บก็มีความมั่นใจสูงในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ทำให้เว็บเล็กๆในระดับ SMEs ทั่วโลกที่ใช้ Shopify ไม่ต้องกังวลเรื่องจะถูกเจาะและขโมยข้อมูลต่างๆ และทำให้ขายคล่องเพราะลูกค้าของเว็บมั่นใจในระบบการชำระเงินออนไลน์ 

อัตราค่าทำเว็บ Shopify สามารถทำได้ตั้งแต่แบบถูกจนถึงแบบแพง จะทำเองก็สามารถทำได้ง่าย ไม่จ้างใครทำก็สามารถทำได้ ลองทำแล้วติดตรงไหนสามารถถามผมได้ สามารถขอระบบทำเว็บแบบไม่จำกัดจำนวนวันกับผมได้เนื่องจากผมเป็น Shopify official partner

ราคาค่าทำเว็บ Shopify จะเท่ากับ Wordpress หรือ M่agento ก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ระยะยาวสำหรับเว็บขายของออนไลน์ค่าดูแลรักษาต่ำกว่ามาก ค่าเช่าระบบรายเดือนที่สูงขึ้นมาพร้อมฟังก์ชั่นที่ดีกว่าเช่นสามารถปรับแต่งหน้า Checkouts ได้ หรือระบบคำนวนค่าขนส่งแบบ ณ เวลาจริง real time 

เหตุที่ค่าทำ Shopify สำหรับบางธุรกิจสูงเนื่องจากมีความต้องการพัฒนาในส่วนของการเขียนโค๊ดที่สูง เช่น บางแม่แบบซื้อมาต้องมีแก้จุดต่างๆที่คนทำแม่แบบทำออกมาแล้วมีข้อผิดพลาดโดยเฉพาะแม่แบบที่ไปซื้อนอกเว็บของ Shopify หรือบางท่านมีการปรับแต่งปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในหลายจุดของแม่แบบ ที่แพงที่สุดคือจ้างเขียนแม่แบบใหม่ ออกแบบใหม่ทั้งหมด หรือจ้างเขียนส่วนเสริมหรือ Apps ต่างๆเพื่อเชื่อมต่อกับ Shopify ลูกค้ามีทุกแบบ ราคาจึงขึ้นอยู่กับแม่แบบ ปริมาณงาน การปรับแต่งต่างๆ แต่หากท่านใดทำง่ายๆแค่ทำตามแม่แบบจบ ไม่ได้ปรับให้เข้ากับเมืองไทยกับประเทศที่ทำตลาดราคาก็ต่ำจนถึงไม่มีค่าทำเลยเพราะทำเองได้ ผมเองปรึกษาให้ผู้ที่ต้องการทำเองมามากมายหลายท่านทำกันสำเร็จเสร็จเป็นเว็บแล้วหลายธุรกิจ ทีมยังมีการพัฒนาเพิ่มฟังก์ชั่นให้กับหลายเว็บในเมืองไทยและมีส่วนที่เป็นการพัฒนาใหม่ๆที่มีแค่บางธุรกิจที่ทีมเราได้ทำให้ไป

ส่วนสาเหตุที่ผู้ประกอบการซื้อแม่แบบนอกเว็บ Shopify โดยส่วนมากนิยมซื้อกันที่ Themeforest เนื่องจากถูกใจในแม่แบบนั้นๆมากกว่า และมีราคาถูกกว่าใน Shopify มาก แต่หากเจอจุดที่ต้องแก้ไขแม่แบบ ที่ผู้ทำ ทำมาไม่สมบูรณ์แล้วเขาไม่แก้ให้หรือหมดช่วงซับพอร์ทของแม่แบบที่ซื้อมาแล็วก็ต้องจ้างเราแก้ให้ซึ่งราคาค่าแก้ถ้าหลายจุดจะมีราคาสูงกว่าซื้อแม่แบบใน Shopify โดยส่วนมากหากพบปัญหาให้ท่านรีบติดต่อผู้สร้างแม่แบบ อย่ารอให้หมดช่วงเวลาซับพอร์ทซึ่งมีระยะเวลาฟรีที่ 6 เดือน และหากต้องการขยายเวลาซับพอร์ทท่านสามารถเลือกซื้อซับพอร์ทเพิ่มได้

POS point of sale

Shopify ยังมีการทำเทคโนโลยีใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี เช่น มีระบบ POS และระบบเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียต่างๆ รวมไปถึงระบบเชื่อมต่อกับตลาดกลาง E-Market place ต่างๆ ซึ่งมีผู้ประกอบการย้ายระบบมาเพราะชอบใช้งาน POS ของ Shopify ที่เวลาออกบูธให้พนักงานขายเสนอสินค้าผ่านไอแพดให้ลูกค้าชมได้ง่าย

ด้าน Payment gateway ขณะนี้ 2checkout รองรับสกุลเงินไทยบาท THB แล้ว โดยผู้สมัครติดตั้งต้องได้รับการอนุมัติก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ ขณะที่เขียนบทความนี้มีลูกค้าที่ใช้บริการที่ปรึกษากับเราผ่านการอนุมัติแล้วสองราย โดยเราเป็น offcial partner ผู้ให้บริการติดตั้งและเป็นที่ปรึกษาร่วมกับทีมงานของ 2checkout ซึ่งสามารถขอเปิดใช้ระบบผ่านทางเราและรับบริการกับเราได้ โดยเราพร้อมแนะนำให้ท่านติดตั้งได้เอง หากท่านไม่สะดวกตั้งค่าเอง ให้ทางเราทำจึงจะมีค่าใช้จ่าย

อย่างไรก็ตามหลายเรื่องยังมีปัจจัยที่ผู้ประกอบการเลือกใช้ระบบที่แตกต่างกัน ต้องยอมรับว่า Magento ก็เป็นระบบที่เว็บระดับโลกเลือกใช้เช่นกัน และ Wordpress ก็เป็นระบบที่ SMEs หลายเจ้าเลือกใช้และยินดีจ่ายค่าดูแลบำรุงรักษาและค่าดูแลความปลอดภัยรายเดือนจ้างคนคอยอุดช่องโหว่ต่างๆและพัฒนาระบบให้ดีขึ้น ระบบ Shopify นั้นยังเหมาะกับการขายสินค้าทั่วโลก ในขณะที่เทคโนโลยีของเว็บสำเร็จรูปอื่นๆยังไม่สามารถทำได้ดีเท่าและเว็บ Shopify ไม่เชิงเป็นเว็บสำเร็จรูปเนื่องจากสามารถเขียนโค๊ดปรับแต่งได้ทั้งแม่แบบเว็บ และ Apps เชื่อมต่อต่างๆ ที่เรียกว่า Private Apps หรือแอปส์ส่วนตัว 

แต่ละระบบต่างพัฒนาไปเรื่อยๆ ส่วนผู้ประกอบการมีความชอบที่แตกต่างกัน ผมเองก็เป็นผู้ประกอบการ ผมจึงมีเว็บ Shopify อีกเว็บนอกจาก Wordpress ซึ่งลูกค้าผมและเพื่อนผมก็มีเว็บหลายเว็บและมีเว็บ Shopify อีกเว็บสาเหตุคือถ้าเว็บ Wordpress หรือเว็บระบบอื่นมีปัญหาก็่ยังมีเว็บสำรอง ซึ่งกับบางกิจการสามารถทำได้มีหลายเว็บหลายแบรนด์แต่เจ้าของเดียวกันได้

ผมเองยังสบายใจที่จะมาทยอยเขียนบล็อกหรือบทความต่างๆใน Shopify มากกว่าด้วยเหตุผลต่างๆข้างต้นโดยเฉพาะเรื่องไม่จำกัดแบนวิธและปริมาณข้อมูลเนื่องจากอีเมล์จากโฮสที่ทำ Wordpress เตือนข้อมูลเต็มให้จ่ายรายปีเพิ่มตลอดและผมก็เช่า Shopify ไว้ ผมมีพื้นที่ลงบทความมากมายไม่จำเป็นต้องลงบทความที่เว็บ Wordpress ก็ได้ และที่สำคัญติดผลการค้นหาอันดับต้นๆได้เหมือนกัน เขียนบทความก็ง่ายมากผม log in ผ่าน Shopify บนมือถือมาเขียนได้ง่ายๆ เขียนได้ตลอดเวลาแก้ไขได้สะดวกมากและรวดเร็วมากๆ นั่งชมวิว ก่อนนอนผมยังเขียนได้ นั่งตามที่ต่างๆที่ไหนก็ตามตราบใดที่ยังมีแบตมือถือผมก็เขียนได้ ระบบของ Shopify ง่ายกว่ามากสำหรับผมในการเขียนและอับเดท

Shopify blog post

ท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการ ความชอบ ความถนัด และเหตุผลส่วนตัวของผู้ประกอบการแต่ละท่านและดุลยพินิจของท่านเอง ใช้ระบบใดท่านสบายใจ ปวดหัวน้อยสุด หรือมีทุนจ่ายทุนจ้างคนดูแลก็สามารถทำระบบร้านค้าออนไลน์ดีๆขึ้นมาใช้ได้เช่นกัน 

Shopify entrepreneurs

ตัวเลขสถิติใดใครเป็นผู้นำไม่ได้สำคัญเท่าท่านเลือกเอง และผมเห็นบางเว็บลงข้อมูล Shopify มีธุรกิจใช้หลักแสนปลาย ข้อมูลน่าจะเก่าไม่อับเดท Shopify โตไวมาก ตอนผมเริ่มทำเมื่อสามสี่ปีก่อน จำนวนผู้ใช้ผ่านตาอยู่ที่ 200,000-300,000 ธุรกิจ ตอนนี้ 600000 ธุรกิจ แล้วครับ ผู้ที่คิดว่าจ่ายแค่ค่าโฮสรายปีโดเมนเนมรายปีเพราะจะถูกกว่าแต่จริงๆค่าใช้จ่ายไม่จบหากมีปัจจัยอื่นมากระทบหรือท่านเติบโตขึ้นในอนาคตค่าใช้จ่ายด้านการดูแลระบบและจ้างพนักงานประจำหรือ outsource ดูแลระบบยิ่งสูงขึ้นตามได้ และปัจจัยด้านใครถูกกว่าใครก็ไม่ใช่จุดที่ผู้ประกอบการอีกจำนวนมากเลือกใช้บริการเช่นกัน

Shopify starter

 

Shopify เริ่มต้นจากทีมเพียง 5 คน เริ่มต้นขายอุปกรณ์กีฬาจำพวกสโนว์บอร์ดซึ่งเป็นกีฬาที่พวกเขารักตามตลาดกลางออนไลน์ต่างๆ และไม่มีระบบที่ถูกใจพวกเขาที่ดีพอให้พวกเขาได้สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและสร้างแบรนด์ของตัวเอง พวกเขาจึงพัฒนาระบบขึ้นมาเอง จนปัจจุบันทีมงานจาก 5 คนที่ทำงานในร้านกาแฟ กลายเป็นทีมงานกว่า 3000 คน ในทวีปอเมริกาเหนือ 

อย่างไรเรามีบริการรับดูแลความปลอดภัยเว็บ Wordpress รายเดือน เริ่มต้นที่ 5000 บาทขึ้นไปต่อเดือนท่านสามารถติดต่อได้ รวมทั้งบริการปรับแต่งและพัฒนาทั้ง Wordpress และ Shopify ท่านจะเลือกทำตัวใดสุดแต่ท่านทางเรายินดีให้บริการ สำหรับ Shopify เรายังมีบริการรับเขียนโค๊ดปรับแต่งและเชื่อมต่อกับระบบภายนอกเช่น ต้องการให้ลูกค้าของเว็บสามารถ log in เข้าสู่ระบบมาดูตัวเลขสต็อกสินค้าคงเหลือ การเพิ่มปุ่มโซเชียล เพิมปุ่มต่างที่ต้องการ การเพิ่มแบนเนอร์ และ วิดีโอในจุดที่ต้องเขียนโค๊ด หรืออะไรก็ตามที่คุณต้องการทำ

 

 

 


Older Post Newer Post


Leave a comment

Please note, comments must be approved before they are published