และเมื่อระบบนี้ได้แพร่ขยายมายังประเทศไทย ได้มีคนไทยที่ทั้งไปเรียนทำจากคอร์สต่างประเทศและเรียนรู้ด้วยตัวเองลองทำและทำจริง เกิดเป็นกลุ่มคนที่ทำได้ดี และยึดถือเป็นอาชีพ แบ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ออกมาสอนทำและอีกกลุ่มคือผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างเดียวไม่ได้สอนใคร
*หมายเหตุ ภาพด้านบนเป็นเพียงตัวอย่างภาพที่ค้นหาได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่ภาพยอดขายของทางเรา
มาปีนี้ ปี 2023 ที่กระแสของโซเชียลมีเดียเริ่มมาแรง เทรนการหาเงินในอินเตอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นเป็นการทำเนื้อหา ที่เรียกภาษาอังกฤษว่า content creator นำโดย TikTok และ Facebook Real กระแสของการทำดรอปชิบด้วย Shopify ก็ดูเหมือนจะเบาบางลงไปเยอะ เนื่องจากคนส่วนมากไปให้ความสนใจกับการสร้างรายได้ผ่านโซเชียลมีเดียด้วยการไลฟ์สดและทำเนื้อหาในรูปแบบวิดีโอหรือการบันทึกชีวิตประจำวัน ที่เรียกว่า Video Blog (Vlog) กันมากขึ้นเรื่อยๆ จนดูเหมือนกระแสนี้กำลังจะมาทำลาย (Disrupt) วงการเว็บไซต์ขายของออนไลน์
โดยส่วนตัวผมคิดว่าเว็บไซต์อย่างไรก็ยังคงกระพัน ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น เป็นระบบของเราเอง ควบคุมด้วยตัวของเราเอง เว็บไซต์ของเรา กฎ ก็เป็นของเรา ( My website, My rules) และระบบต่างๆ ภายในที่เราสามารถปรับแต่งได้เองตามที่เราต้องการ ซึ่งรองรับการเติบโตในทุกระดับของธุรกิจและช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ อีกอย่างที่ไม่แน่ใจคือ เว็บไซต์ของเราเอง เราสามารถเอาไปจดทะเบียนบริษัทฯได้ แต่การเอาโซเชียลมีเดียไปจดทะเบียนบริษัทฯ นั้น ไม่แน่ใจว่า กฎหมายให้ทำได้หรือไม่ ต้องเรียนถามผู้รู้ให้ช่วยตอบคำถามในจุดนี้ อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติ คงไม่มีใครไปพยายามเอาโซเชียลมีเดียไปจดทะเบียนบริษัทฯ อย่างมากก็คงพยายามเอาไปจดร้านค้าหรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่บ่งบอกถึง การทำธุรกิจ หรือกิจการที่ตนทำอยู่ว่าชื่อกิจการชื่ออะไร มีสินค้าหรือบริการที่ขายหรือรับทำคืออะไร
ถึงจะเว็บไซต์เรา กฎเรา แต่ไม่ทุกอย่าง ระบบของ Shopify นั้นหากคุณขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ คุณมีสิทธิ์โดนฟ้องและโดนแบนหรือปิดระบบเว็บไซต์ได้ทันที
เหตุผลหนึ่งที่เว็บไซต์ยังคงมีความจำเป็นเนื่องจากลูกเล่นการตลาดที่มากมายในระดับแอดวานซ์ และระบบบริหารจัดการสินค้า คลังสินค้า ระบบจัดการข้อมูลต่างๆ ในปริมาณมาก และเสียค่าธรรมเนียมน้อยกว่า ตลาดกลางขายสินค้าออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย แบรนด์ที่มีบุคคลากรพร้อมในการทำงานด้านการตลาดผ่านเว็บไซต์ จึงมีความพยายามดึงผู้ซื้อมาซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ แต่อาจจะไปไลฟ์สดกันที่ อินสตราแกรม เฟสบุ๊ค หรือแพลตฟอร์มที่อนุญาติให้ทำได้ เพื่อประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่ต้องจ่ายค่าส่วนแบ่งการขายให้ตลาดกลางต่างๆ เป็นจำนวนมาก และเมื่อเหล่าบรรดาผู้มีอิทธิพล มีฐานคนติดตามและคนรู้จักมากพอ พวกเขาสามารถดึงคนให้ไปซื้อบนแพลตฟอร์มใดก็ได้
มาเข้าเรื่องการทำดรอปชิปโดยใช้ระบบของ Shopify ยังทำได้หรือไม่ ในยุคแรกนั้นทำได้จริงและทำได้เยอะด้วย มีคนที่ทำได้และทำได้ดีเยอะแยะมากมายตั้งแต่หลักหมื่นเหรียญสหรัฐไปจนถึงหลักล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในปัจจุบัน หากเป็นเมืองไทย เนื่องจากเด็กรุ่นใหม่โตมาพร้อมโซเชียลมีเดีย และการใช้โซเชียลมีเดียมีความง่ายกว่า ที่โซเชียลมีเดียเองอย่างติ๊กต๊อกก็เริ่มจะมีระบบตระกร้าสินค้าหรือร้านค้า เฟสบุ๊คเองก็มี ตลาดกลางให้ลงขายสินค้าได้ ทำให้เราเห็นผู้คนมากมายในเมืองไทยใช้โซเชียลมีเดียขายของเป็นหลัก นั่นคือประเทศไทย หากแต่ในต่างประเทศนั้นไม่เหมือนกัน ยังมีผู้คนที่ยังชินกับการซื้อขายผ่านเว็บไซต์ หรือยังใช้เว็บไซต์ขายของกันในจำนวนมากมายมหาศาลและยังมีอีกจำนวนมากที่เวลาซื้อสินค้าจะไม่สั่งซื้อกันผ่านโซเชียลมีเดียหรือปริมาณมากที่ไม่เล่นโซเชียลมีเดียก็มี แต่มีการซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ ตรงนี้ฐานของตลาดหรือลูกค้ามีรูปแบบหลากหลายลักษณะ คนที่เข้ามาเล่นโซเชียลมีเดียแล้วเบื่อหายไปทีเป็นเดือนๆ ปีๆ ไม่เปิดอีกเลย ไปใช้ชีวิตจริงกันก็มี บ้างอาจจะลาขาด ถ้ามันไม่ได้สร้างรายได้อะไรให้กับเขาหรือทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น จุดนี้เองเป็นสาเหตุที่แต่ละค่ายเริ่มออกมาผลักดันให้ผู้คนทั่วโลกสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อคนอื่น โดยจะได้ส่วนแบ่งเป็นรายได้จากเนื้อหาที่ทำ เช่น Facebook Reel จะมีส่วนแบ่งค่าโฆษณาจากวิดีโอในการให้ความรู้และความบันเทิงกับผู้คน ส่วนติ๊กต็อกมีการติดตระกร้าสินค้า
สาเหตุที่ชาวต่างชาติจำนวนมากยังคงซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์นั้น การทำการตลาดขายสินค้าไปต่างประเทศจึงยังคงเป็นเรื่องยากที่จะใช้โซเชียลมีเดียไปขายชาวต่างชาติ อีกทั้งโซเชียลมีเดียบางตัวมีการหลอกลวงสูง ทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจที่จะซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียนั้นๆ เนื่องจากไม่มีการควบคุมผู้ที่เข้ามาหลอกลวงได้ดีพอ จุดนี้การค้าขายจึงตกไปอยู่กับที่ใดก็ตามที่สามารถควบคุมนักหลอกลวงต้มตุ๋นได้ และเว็บไซต์สามารถแสดงข้อมูลของกิจการได้ครอบคลุมและเป็นระบบระเบียบกว่าโซเชียลมีเดียและมีเทคโนโลยีที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามยุค ตามสมัย เว็บไซต์จึงยังคงเป็นอะไรที่เป็นอมตะและจะยังคงอยู่คู่โลกนี้ไปอีกนานแสนนาน ไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา
ในประเทศไทย Shopify ก็คือระบบเว็บไซต์ ตัวหนึ่ง ไม่ว่าในยุคใดหรือในยุคนี้ก็ตามถ้าคุณทำการตลาดดึงคนมาซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ได้ดีพอ ก็ย่อมจะมีคนซื้อและทำยอดขายได้มากมาย ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือต่างประเทศก็ยังคงขายได้สินค้าได้ดี ล่าสุด มีลูกค้าผมเจ้านึง นำคนมาซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ได้หลักล้านบาท เนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพลทางการตัดสินใจซื้อสินค้าอยู่แล้ว
ส่วนคำตอบว่า Shopify Dropshipping ยุคนี้ยังทำได้หรือไม่ จากการตรวจสอบ ข้อมูลตามกลุ่มต่างๆ พบว่า ยังทำได้กันอยู่ แม้จะมีส่วนนึงที่เข้ามาทำและล้มเลิกกันไปก็ตาม เพียงแต่อาจจะยากขึ้นถ้าจะทำดรอปชิปโดยใช้เว็บไซต์ไปขายของออนไลน์ในประเทศไทย เนื่องจากในไทย คนนิยมซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียและตลาดกลางขายสินค้าออนไลน์ อย่าง Shopee และ Lazada ด้วยเหตุผลหลักประการนึงที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัย ไม่ถูกหลอก หรือถูกโกง และคนเล่นโซเชียลมีเดียกันเยอะ บนเฟสบุ๊คดูเหมือนมีการหลอกเยอะ แต่ผู้ซื้อส่วนมากก็ไม่ได้ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้ ยังสามารถพิจารณาได้ว่าผู้ขายรายไหนจริงหรือไม่จริงหลอกหรือไม่หลอกโดยการสังเกตุความน่าเชื่อถือต่างๆ และการค้นหาเปรียบเทียบ ส่วนในด้านติ๊กต็อกนั้น ดูเหมือนมีการควบคุม อีกทั้งผู้ขายสินค้าหรือบริการยังมีวิธีการเก็บเงินปลายทาง และมีการขายสินค้าในแพลตฟอร์มที่ตนถนัดที่สุด โดยเน้นยอดขายจากช่องทางนั้นๆ ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าการใช้เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์หรือทำดรอปชิปจะทำไม่ได้ หากเว็บไซต์ทำได้น่าเชื่อถือเพียงพอ และระบบที่มีการชำระเงินที่ง่าย เช่นล่าสุด Shopify สามารถทำระบบชำระเงินแบบหน้าเดียวได้แล้ว บวกกับการเสนอการเก็บเงินปลายทาง ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจสูงขึ้นที่จะซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์เพียง ผู้ขายชูจุดเด่นด้านนี้ในประเทศไทย
ส่วนต่างประเทศนั้นผู้เขียนไม่แน่ใจว่ามีเก็บเงินปลายทางหรือไม่คงต้องสืบค้นข้อมูลอีกที แต่เท่าที่เห็น จะนิยมให้มีการตัดบัตรเครดิตโดยระบบรับชำระเงินที่ปลอดภัยและ นำข้อความต่างๆ มายืนยันในหน้าสินค้าและหน้าเว็บไซต์ด้วยโลโก้ความปลอดภัย รวมถึงมีรีวิวให้ลูกค้ามั่นใจที่จะซื้อสินค้า ดังนั้น ดรอปชิปหาก ผู้ขายสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ รวมทั้งการจูงใจ รู้จุดที่จะจูงใจผู้ซื้อและมีการทำการตลาดที่ดี มีการสร้างแบรนด์ที่ดี ก็จะยังคงขายสินค้าแบบดรอบชิปได้ดี ตามแต่ความสามารถส่วนบุคคล หรือการสร้างแบรนด์ของเว็บไซต์ เช่นซัพพลายเออร์ในสินค้าบางประเภท อาจให้มีการติดแบรนด์ของตนเองขายได้ เช่นพวกสินค้างานฝีมือต่างๆ หรือโรงงานผู้ผลิต ที่มีการดิวกัน เรามักจะพบเห็นในสินค้าประเภทสั่งพิมพ์หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Print on demand (POD) ที่มีทั้งเสื้อผ้าของใช้และจิวเวลรี่ หรือสินค้าบางตัวอาจไม่มีตราสินค้าด้วยซ้ำ มีแต่เพียงเว็บไซต์ของผู้ขายเองที่เป็นแบรนด์
ทีนี้ประสบการณ์ของผู้เรียนคอร์สดรอปชิบมาเป็นอย่างไร ผู้ที่ไปเรียนคอร์สถูกๆ มาที่เป็นหลักพันต้นๆ ที่มีการสอนออนไลน์โดยให้เป็นวิดีโอ หรือสอนสดออนไลน์หรือแบบพบหน้าก็ตาม หรือกระทั่งคอร์สหลักหมื่น คงรู้กันในวงใน ว่าใครให้บริการสนับสนุนหลังการเรียนดีไม่ดีอย่างไร หากมีการคุยและสอบถามกันที่ไม่ได้ไปบังเอิญถามไปโดนหน้าม้า แต่ถามจากผู้ที่เรียนมาโดยตรง ซึ่งส่วนมากไม่มีการรีวิว จริงหรือการบอกต่อว่าดีหรือไม่ดีอย่างไรที่ชัดเจน เช่น ผู้สอนอาจให้บริการสนับสนุนหลังการเรียนกับผู้เรียนคนนี้ดี ผู้เรียนคนนี้ก็รีวิวว่าดี รีวิวดีๆ ผู้สอนก็เก็บเอาไว้แล้วมาเผยแพร่ต่อเรียกลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา เนื่องจากทุกกิจการต้องหล่อเลี้ยงด้วยเงินและการดำเนินชีวิตต้องใช้เงิน จึงทำให้ต้องหาลูกค้าใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาและใช้เวลาดูแลสนับสนุนกับคนเก่าๆ ได้ไม่ทั่วถึง เพราะคนสอนที่รู้จริงส่วนมากจะมีคนเดียว ไม่ได้มีระบบ ที่จะมีคนช่วยสอน ที่มีทีมที่รู้ลึกรู้จริงแบบเป็นทีมสนับสนุน การสนับสนุน จึงใช้เวลาในการตอบ ตรงนี้เป็นทุกกิจการ ที่มัลักษณะหรือโครงสร้างการทำงานที่ต้องอาศับผู้ที่รู้ลึกรู้จริงซึ่งบุคคลากรด้านนี้หายาก และผู้รู้ลึกรู้จริงที่เป็นอาจารย์สอนก็ไม่ได้เทรนคนให้รู้เพื่อมาคอยดูแลสนับสนุนหลังการเรียนการสอน ยิ่งคอร์สราคาต่ำ การสนับสนุนหลังการเรียนการสอนก็เป็นไปตามราคา คืออาจจะเงียบหายไปเลยไม่ตอบหรือกว่าจะตอบก็นานมากๆ
จากการที่การสนับสนุนไม่สามารถทำได้ดีด้วยปัจจัยต่างๆนั้น ตรงจุดนี้ ทำให้ผู้เรียนวิ่งหาคนสอนเพิ่ม เพราะตนเองยังติดขัดอยู่เมื่อไปทำจริงและไม่ได้รับการสนับสนุนหลังการเรียน และต้องเสียเงินเพิ่มอีก ซึ่ง ทางผู้เรียนก็ยินดีที่จะจ่าย สำหรับผู้ที่อยากทำให้สำเร็จทำให้ได้จริงๆ จึงเกิดเป็นการเรียนหลายคอร์ส เรียกง่ายๆ ว่าเรียนหลายอาจารย์ เพราะตนเองยังติดอยู่ และยังไม่มีใครแก้ปัญหาหรือให้คำปรึกษาในจุดที่ตนเองติดได้ ทำไมผมจึงทราบเรื่องราวพวกนี้ เพราะผู้ที่เรียนแล้วยังติดนั้น ส่วนนึงได้เข้ามาหาผมและให้ผมแก้จุดที่ติดให้ ซึ่งผมก็มีการคิดเงินไปตามจุดต่างๆ ที่ผู้เรียนติด และอาจารย์ไม่ได่แก้ปัญหาให้ ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม เช่น เป็นฟังชั่นที่ลึกเกินไป อาจารย์ทำไม่ได้ ต้องเขียนโค้ดเพิ่มเติม อาจารย์ทำไม่ได้ หรือต้องทำเว็บไซต์ให้สวยถูกใจตามความต้องการของผู้เรียน อาจารย์ทำไม่ได้ ตรงนี้ผมกล่าวได้เต็มปากว่าอาจารย์ไม่ได้ผิด เพราะตามหลักการระบบได้มีความพยายามที่จะสร้างขึ้นมาให้คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้ง่ายๆ แต่ก็ยังมีจุดที่แอดวานซ์หรือขั้นสูงที่คนธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้ ซึ่งเวลาผมเจอคนเข้ามาหาผม ผมก็เสนอการทำงานไปตามจุดต่างๆ ที่พวกเขาต้องการทำเพิ่มได้ หากผมมีเวลาในการทำให้ ถ้าหากไม่มีเวลาก็ต้องรอ ถ้าหากรอได้ และคอยตามงานกับผม ผมก็จะทำให้แล้วเสร็จเป็นจุดๆ เป็นเคสๆ ไป
เนื่องจากระบบนี้หาผู้เชี่ยวชาญยาก หาทีมสนับสนุนยาก หลายที่มีจังหวะที่งานเต็มกันหมด ถ้าคุณติดต่อไปเขาจะบอกไม่สามารถรับงานได้ในขณะนี้ เนื่องจากงานเต็ม ทุกเว็บประกาศรับงานกันหมด คือ งานที่เต็มนั้นบางเจ้าก็อาจไม่ใช่งานทำ Shopify เต็ม เพราะเอเจนซี่หรือบริษัทฯ รับทำเว็บไซต์นั้นไม่ได้ทำเว็บระบบเดียว งานด้านระบบเว็บอื่นๆ อาจจะเข้ามามาก หรือมีปริมาณงานในช่วงนั้นมาก งานก็จะเต็ม คุณติดต่อไปก็จะพบว่า ขออภัยครับช่วงนี้งานเต็ม บริษัทฯเราหรือฟรีแลนซ์คนนั้นๆ ไม่สามารถรับงานต่อได้ รีบหรือเปล่าครับ รอได้หรือเปล่าครับ ประมาณนี้ครับ
ส่วนเรื่องการสนับสนุนนั้น ถ้าไม่ควบคุมให้ดีก็จะเหมือนกันกับเรื่องการสอนทำดรอปชิป ไม่ต่างกันเลยครับ เป็นกันได้ทุกกิจการ คือตอบช้า หรือเงียบหายไปเลย ไม่สนับสนุนต่อแล้ว ถ้าลูกค้ามีจุดที่ยังติดต้องแก้ในปริมาณมาก มีจุดใหม่ๆ มาเสมอ แต่ไม่มีงบให้ หรือ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ไม่อยู่ในสโคบงาน ก็เป็นปกติของกิจการต่างๆ ที่จะต้องรับลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเอาเงินมาหมุนเวียนจ่ายค่าต้นทุนต่างๆ จึงไม่สามารถสนับสนุนลูกค้าเก่าได้รวดเร็วหรือไวเท่าที่ควรหรือเงียบหายไปครับ
ด้านผมเองก็พยายามทำ พยายามสนับสนุนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้หากมีการชำระเงินค่าทำให้ผม บางเรื่อง ช่วยเหลือให้คำปรึกษาได้ ถ้าเวลานั้นสามารถทำให้ได้ พอมีเวลาก็ทำให้ครับ ซึ่งอันที่จริงผมเองก็มีงานตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าผมอยากจะทำ เพราะผมมีเว็บไวต์ของผมเองที่ทำการโปรโมทขายสินค้าดิจิทัลต่างๆ ที่มีงานที่ยังทำไม่เสร็จ และไม่มีวันเสร็จ พัฒนาไปได้เรื่อยๆ อยู่ครับ ถึงมันจะไม่ได้มีรายได้มากมายนัก แต่ผมก็ยังทำมันต่อไปเรื่อยๆ ครับ โดยส่วนมากแล้วจะทำงานลูกค้าให้เสร็จก่อน จึงมาทำงานสินค้าดิจิทัลของตนเองครับ หรือแบ่งเวลามาทำครับ ก็จะไม่ได้ทิ้งงานลูกค้าครับ แต่ก็มีแบบที่ว่าลูกค้าเองก็ยุ่ง เราก็พยายามตาม กว่าจะได้อะไรแต่ละอย่างก็ต้องรอ เราก็รอ และหากลูกค้าไม่ส่งสิ่งที่เราต้องการมาเป็นวัตถุดิบให้ทางเราทำสักที ตรงนี้ก็จะต่างฝ่ายต่างเงียบหายกันไป เป็นเรื่องปกติ เพราะทางผมก็ตามแล้วครับ หรือว่ามีงานเข้ามาให้ทำตลอด งานใหม่ๆ แต่ไม่มีงบมาให้ทำก็ปกติครับ ที่อาจมีการเงียบไป หรือบอกตรงๆ ไปเลยในบางเคส คือไม่ได้ตั้งใจเงียบครับ แต่ติดทำงานอื่นๆ อยู่จริงๆ เพราะต้องหาเงินเข้ากิจการให้พอกับต้นทุน ค่าใช้จ่ายของกิจการ และค่าใช้จ่ายประจำวันครับ
ถ้ามีอาจารย์ท่านใดอ่านมาถึงตรงนี้ ท่านไม่ต้องกังวลครับ ยังมีผมออยู่ครับ ท่านแนะนำให้ลูกศิษย์เข้ามาหาผมในจุดที่ติดได้ครับ ผมจะคิดค่าทำไปให้กับลูกศิษย์ของท่านครับ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์และการวางระบบนะครับ หรือการเขียนโค้ดปรับแต่งจุดต่างๆ ก็ตามครับ ถ้ามีเวลาช่วงจังหวะนั้นพอดีผมก็รับทำครับ ถ้าไม่มีเวลาก็จะไม่รับทำครับ ก็ปล่อยผ่านให้ท่านอื่นๆ ทำกันไปครับ ปกติก็แบ่งๆ งานกันไปครับ บางช่วง ลูกค้าก็เข้ามาหาผมบอกติดต่อที่นั่นที่นี่ มีความต้องการแบบนี้ๆ แต่ไม่มีคนรับทำเลย สรุปเป็นผมที่ทำให้ ก็เหมือนกันครับ เวลามาช่วงผมงานเต็ม ผมรับไม่ได้แล้ว ลูกค้าก็จะไปที่อื่นๆ ปกติครับ
และโดยส่วนมากบางที่จะมีการโคงานกัน ถ้างานเต็มจะแนะนำไปให้เจ้าที่โคกันไว้ครับ จริงๆ ผมมีพันธมิตรมากมายที่ทำเว็บไซต์ Shopify ได้และเขียนโค้ดได้ แต่จำเป็นต้องมีผมเป็นคนคุมงานครับเพราะความต้องการบางตัวถ้าไม่มีผมอยู่ ทำไม่สำเร็จครับ เพราะโปรแกรมเมอร์เพียวๆ ก็ต้องการความช่วยเหลือที่เป็นคอขวดอยู่เรียกว่าเชี่ยวชาญด้านการเขียนโค้ด แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญกับทุกแอพพลิเคชั่น ทว่าผมทำงานได้กับทุกแอพพลิเคชั่น โปรแกรมเมอร์กับผมจึงเหมือนการประสานร่วมงานกันทำ ในจุดที่ตนเองถนัดและทำได้ดีครับ ซึ่งตัวผมเองเรื่องโค้ด ลึกๆแล้วผมไม่ทราบหรอกครับ แต่มีทีมโปรแกรมเมอร์ช่วยกันทำครับ กลุ่มโปรแกรมเมอร์ที่โคกันไว้ครับ ราคามีหลากหลายสามารถแข่งขันในตลาดได้ระดับนึง แต่ไม่อยากแข่งที่ราคา เว้นบางช่วงถ้างานไม่มีเลยก็อาจมีบ้างที่เสนอราคาตัดนิดหน่อยแต่ส่วนมากไม่ได้อยากจะตัดมากครับ เช่นหากอ่านความต้องการขาดว่าความต้องการสิบข้อนี้ ถ้าทำได้งบจะอยู่ราวๆ ไหน ก็เป็นไปตามนั้น หรือ ถ้าจะทำให้ถูกกว่านั้นได้ งานต้องเป็นรูปแบบประมาณไหน ก็จะเป็นตามนั้นเลยครับ ซึ่งผมเคยตีราคางานนึง แต่งานนี้ผมไม่ได้ทำงาน เพราะลูกค้า ระงับโปรเจคไว้ก่อน ผมตีราคาไว้ที่แปดแสนบาทครับ ส่วนคู่แข่ง บริษัทต่างชาติตีไว้ที่ เก้าแสนกว่าบาทครับ ซึ่งตอนแรกลูกค้าบอกเลือกให้ต่างชาติทำที่ราคาเก้าแสนกว่าบาท แต่มาตอนหลังบอกว่าระงับงาน ไม่ได้จ้างใครทำแล้ว ตอนที่ผมแจ้งไปว่า ผมโอเคครับที่ต่างชาติได้งาน แต่ถ้ามีจุดไหนที่ต่างชาติทำไม่ได้หรือไม่ครอบคลุมด้านการสนับสนุนการทำงานกับแอฟต่างๆ การดูแลรายเดือนเป็นภาษาไทย ทำงานได้กับทุกแอพพลิเคชั่นที่ลูกค้าใช้งานก็มาจ้างผมให้บริการได้นะครับ
ผมมองว่าระบบ Shopify นั้น จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามผู้คนหรือบริษัทฯ ที่เข้ามาโปรโมทให้ครับ อาจารย์ที่สอนดรอปชิปหรือ เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Shopify ล้วนมีส่วนผลักดันให้ระบบนี้พัฒนาและมีคนทำงานเพิ่มขึ้นครับ มีคนเข้ามาศึกษางานด้านนี้มากขึ้น ไม่แน่ในประเทศไทยเราอาจมีคนหรือบริษัทฯพัฒนาแอพพลิเคชั่น ไปขายบน Shopify app store ได้จำนวนมากทัดเทียมกับต่างชาติได้ในสักวันหนึ่งครับ หากความรู้ของเราตามเขาทันครับ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าถ้าจะเอาลึกๆ จริงๆ คนประเทศอเมริกา กับ อินเดีย เป็นประเทศ ที่เก่งการเขียนโค้ดการทำงานกับ Shopify มากที่สุดครับ ส่วนในไทยนั้นเราก็ได้แต่หวังว่าคนไทยหรือบริษัทฯไทย จะมาช่วยกันโปรโมท Shopify กันมากขึ้นให้มีปริมาณผู้ใช้งานเว็บไซต์และระบบเพิ่มขึ้นครับ
ถ้า Shopify แพงไปเรื่องค่าเช่ารายเดือน ผมมีระบบที่พันธมิตรผมทำขึ้นมาและให้ผมมาให้ผู้ประกอบการเช่าใช้ ซึ่งเป็นทางเลือกให้กับกิจการต่างๆ ที่งบค่าเช่ารายเดือน ไม่สามารถจ่ายได้จริงๆ ด้วยนะครับ ค่าเช่าระบบเริ่มต้นเพียงเดือนละ 300 บาทครับ บริษัทฯ รับทำเว็บ หรืออาจารย์ท่านใดอ่านมาถึงตรงนี้แล้วต้องการใช้งานระบบก็สามารถใช้งานได้ครับที่ https://hosting.jadewebtech.com ครับ กรณีที่ไม่มีทุนจริงๆ นะครับหรือไม่่พร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายครับ เพราะอย่างไรผมก็ยังสนับสนุน Shopify เพียงปัญหาที่ผมพบเจอคือ หลายท่านพอเห็นค่าเช่าแอพพลิเคชั่นที่จำเป็นต้องใช้งานรวมกับค่าแผนการใช้งานรายเดือนและค่าธรรมเนียมต่างๆ แล้วหนีเลย เวลาคำนวนกางออกมาให้ชมครับ ผมจึงป้องกันลูกค้าหนีครับ บางความต้องการ ลูกค้ามีความต้องการฟังก์ชั่นสูงครับ พอตีออกมาเป็นค่าทำและค่าดูแลรายเดือนหรือค่าเช่าระบบก็สูงตามครับ ลูกค้าก็หนีครับ เพื่อไม่ให้หนีผมก็เลยเตรียมระบบไว้เพื่อกรณีนี้ล่ะครับ
สรุป: เนื้อหาต่างๆ บางส่วนคือประสบารณ์ จากผู้เรียนคอร์สดรอปชิปที่มีอยู่ในตลาด เข้ามาเล่าให้ผมฟังนะครับ ซึ่งไม่มีใครผิดใครถูก และโดยสรุปแล้ว เว็บไซต์ก็คือเว็บไซต์คนทำการตลาดได้ ทำให้เว็บน่าเชื่อถือได้ สร้างแบรนด์ได้ จับสินค้าถูกกับตัวเองและอีกหลายปัจจัย ดรอปชิปก็ยังขายได้ครับ เพราะดรอปชิปก็คือสินค้า เว็บไซต์ Shopify ก็คือเว็บไซต์ครับ ขายของผ่านเว็บไซต์ ยังไงก็ ยังขายได้ ถ้าคนทำการตลาดสามารถดึงลูกค้าให้มาซื้อสินค้าที่เว็บไซต์ได้ครับ